กล้องสำหรับใช้ในงานออนไลน์มีด้วยกันหลายรูปแบบ โดยอาจต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับงานออนไลน์ในแต่ละประเภท ซึ่งสามารถแบ่งออกได้ดังนี้
1. กล้องประเภท Webcam เราสามารถเห็นได้จากคอมพิวเตอร์ Notebook ทั่วไป ข้อดีคือราคาไม่แพง และไม่มีความซับซ้อนในการทำงาน หลังจากเราเปิดโปรแกรมสำหรับทำออนไลน์ หรือประชุมออนไลน์ ก็จะเห็นภาพได้ทันที
แต่อาจมีข้อเสียอยู่บ้าง คืออาจจะได้ภาพที่ไม่คมชัดมากนัก ไม่สามารถซูมเข้าหรือออกได้ตามที่ต้องการ และมักจะทำงานได้ไม่ดีในสภาพแสงน้อย ในปัจจุบันมี Webcam ที่สามารถต่อผ่านช่อง USB (ต่อภายนอก) ได้ โดยจะให้คุณภาพของภาพที่ดีขึ้นมาบ้าง
2. กล้องประเภท DSLR หรือรุ่นใหม่ ๆ ของ DSLR ที่ไม่มีกระจกสะท้อนภาพภายในตัวกล้อง ที่เราจะเรียกว่า Mirrorless มีข้อดีคือจะให้ภาพที่คมชัดมาก แม้ในสภาพแสงน้อยก็ทำงานได้อย่างไม่มีปัญหา
กล้องประเภทนี้มีราคาตั้งแต่หลักพันถึงหลักแสนบาท แม้จะถูกออกแบบมาให้เป็นกล้องถ่ายภาพ แต่สามารถนำไปใช้ในงานถ่ายออนไลน์ได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันมีการถ่ายทำภาพยนต์และคอนเสิร์ตแบบมืออาชีพอย่างเช่น Panasonic GH5 / Sony ตระกูล A7 , A9 และยังมีอีกหลายยี่ห้อที่น่าสนใจ
กรณีถ้าเราเลือกกล้องประเภทนี้มาทำงานออนไลน์ ต้องพิจารณาเรื่องแบตเตอรี่เป็นสำคัญ ควรเป็นรุ่นที่สามารถเสียบสายไฟและเปิดกล้องให้ทำงานได้ จึงจะเหมาะกับการทำงานแบบต่อเนื่องนาน ๆ
สำหรับข้อเสียนอกจากราคาที่แพง กล้องหลาย ๆ รุ่น โดยมากไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้กับงานวีดีโอโดยตรง การทำงานต่อเนื่องนาน ๆ และเกิดความร้อนสะสมตัวกล้องอาจจะดับไปเองได้
สำหรับท่านใดที่เลือกใช้กล้องประเภทนี้ โดยทั่วไปแล้วจะต้องซื้อกล่อง Video Capture มาใช้สำหรับรับภาพเข้าไปยังคอมพิวเตอร์อีกด้วย
3. กล้องวีดีโอ เป็นกล้องที่ถูกออกแบบมาสำหรับงานถ่ายวีดีโอโดยตรง อาจเห็นได้จากนักข่าว หรือกล้องที่ถ่ายทำภาพยนต์ กล้องประเภทนี้มีความทนทาน มีเซ็นเซอร์ของภาพที่เล็กกว่ากล้องประเภท DSLR มาก จึงทำให้สามารถเปิดถ่ายวีดีโอแบบต่อเนื่องได้นาน ไม่มีความร้อนสะสม และไม่มีอาการร้อนและจะทำให้กล้องดับไปเอง จึงเหมาะสำหรับใช้บันทึกการประชุมต่อเนื่องแบบนาน ๆ ได้เป็นอย่างดี
โดยทั่วไปแล้วกล้องชนิดนี้จะเหมาะสำหรับต่อกับระบบงานใหญ่ และต้องมีผู้ชำนาญเฉพาะด้าน
